ปวดโคนขาหนีบ เกิดจากอะไร อันตรายหรือไม่
อาการปวดขาหนีบ สาเหตุหลักของอาการมักจะมาจากกล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นฉีกขาด ในกรณีที่เล่นกีฬาที่จำเป็นต้องมีการปะทะอยู่บ่อยครั้ง เช่น รักบี้ ฮอกกี้ หรือ ฟุตบอล อาจจะทำให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นบริเวณขาหนีบเกิดการตึง หรือ ฉีกขาดได้ ซึ่งเมื่อกล้ามเนื้อหรือเอ็นฉีกขาดผู้ป่วยมักจะเกิดอาการปวดขาหนีบแบบเฉียบพลัน และ อาจจะรุนแรงถึงขั้นไม่สามารถขยับขาได้ เนื่องจากอาการปวดที่รุนแรง
อาการปวดขาหนีบที่มีสาเหตุมาจากกล้ามเนื้อขาหนีบาดเจ็บ หรือ อักเสบ มักมีเป็นอาการบาดเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ของกล้ามเนื้อและเส้นเอ็นที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งสะสมกัน จนทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นขาด้านใน โคนต้นขา หรือ ขาหนีบปวดขึ้นมา
อีกหนึ่งสาเหตุทำให้ปวดขาหนีบ คือ อาการไม่สมดุลระหว่างกล้ามเนื้อขาหนีบ (Hip Adductor Muscle) และ ต้นขาด้านหน้า (Quadriceps Muscle) ทำให้การทำงานระหว่างกล้ามเนื้อทั้ง 2 ไม่สมดุลกัน จนทำให้เกิดการดึงรั้งกัน เนื่องจากกล้ามขาหนีบไม่แข็งแรง แต่ต้นขาด้านหน้าแข็งแรงมาก จนทำให้เกิดอาการบาดเจ็บ
ในกรณีที่คุณมีอาการปวดขาหนีบระดับรุนแรงปานกลาง ถึงรุนแรงมากเป็นช่วงๆ นานกว่า 2-3 วัน แนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด สามารถสังเกตอาการที่เกิดขึ้นร่วมกับอาการปวดขาหนีบ เส้นตึงขาหนีบได้ด้วย โดยอาการที่ควรไปพบแพทย์
• ปวดขาหนีบมากจนไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ หรือ เคลื่อนไหวได้ลำบาก
• ไม่สามารถลงน้ำหนักไปที่ขาได้
• มีก้อน หรือ อัณฑะบวม
• ปวดร้าวไปที่หลังส่วนล่าง หน้าอก หรือ หน้าท้อง
• มีไข้ หรือ รู้สึกคลื่นไส้
ผู้ป่วยที่มีอาการปวดขาหนีบไม่รุนแรงสามารถใช้การประคบร้อน หรือ ประคบเย็น เพื่อบรรเทาอาการปวดได้ โดยแนะนำให้ประคบเย็นเพื่อช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ซึ่งสามารถช่วยลดอาการปวดเฉียบพลัน บาดเจ็บ อาการปวดขาหนีบอักเสบ และรอยฟกช้ำได้ โดยประคบเย็นบริเวณขาหนีบประคบประมาณ 10-15 นาที/ครั้ง
การกายภาพบำบัดเพื่อรักษาอาการปวดขาหนีบ นักกายภาพส่วนใหญ่มักจะเน้นไปที่การฝึกเคลื่อนไหวให้มีแบบแผนการทำงานของกล้ามเนื้อและข้อต่อที่ปกติ พร้อมทั้งเน้นการยืดเหยียดคลายกล้ามเนื้อ เมื่อกล้ามเนื้อมีความตึงตัว ซึ่งเป็นการเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง เพื่อลดความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต